วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือ

1.เขียนคำที่เป็นแรงบันดาลใจติดผนัง - หาถ้อยคำที่กำลังใจดีๆ ความหมายดีๆ จะมาจากคนดัง หรือไอดอลของเราก็ได้นะคะ หรือบางทีอาจจะเป็นท่อนหนึ่งจากเนื้อเพลงที่ฟังแล้วโดน ก็เอามาเขียน

เป็นไปได้ก็เขียนแปะผนังทุกที่เลยค่ะ ตั้งแต่ประตูหน้าห้อง หลังประตู ผนังห้องนอน บนฝ้า ห้องน้ำ ติดหมดทุกที่ ยิ่งถ้าใช้โพสต์อิทสีสันต่างๆ ห้องขาวๆ กลายเป็นห้องสีคัลเลอร์ฟูลกันเลยทีเดียวค่ะ ทีนี้เวลาเดินผ่าน ยังไงก็ต้องเห็น เป็นกำลังใจดีๆอย่างหนึ่งค่ะ

2.เขียนเป้าหมายที่ต้องการตัวโตๆหน้าห้อง - อย่างถ้าน้องๆต้องสอบ หรืออ่านหนังสือ ก็เขียนไว้ตัวใหญ่ๆเลยค่ะ เช่น อ่านหนังสือ,สอบแล้ว,ห้ามอู้,เกรด A ฯลฯ กระตุ้นให้เราไม่ลืมเป้าหมาย

3.บอกตัวเองเสมอว่า "เราทำได้" - เวลาท้อ เหนื่อย หรือเริ่มจะไม่ไหว ให้คิดเลยว่า เราทำได้ คนอื่นๆทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ จริงไหมคะ ตอนแรกอาจจะเสียงเบาๆว่า "เราทำได้" แต่พูดบ่อยๆ เเราก็จะเข้มแข็ง และเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ

4.คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คนที่เรารัก - ให้ลองมองย้อนดูว่า ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่เลี้ยงเรามาท่านเหนื่อยยากแค่ไหน ชั้นอนุบาล-ประถม ท่านก็หาที่เรียนให้เรา พอชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลายเราต้องสอบเข้า ถ้าสมมุติว่าเราสอบเข้าร.ร,ที่เราอยากเข้าไม่ได้ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่ให้เรามีที่เรียนเป็นพอ...

แต่พอถึงมหาวิทยาลัย ลึกๆในใจของท่านก็คงอยากได้เราติดคณะดีดี อยากให้เราแอดมิชชั่นติด เพราะแต่ละคณะก็บ่งบอกถึงอนาคตว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร เมื่อเราแอดมิชชั่นติดท่านก็โล่งอก สบายใจ และดีใจกับเรา อย่างน้อยเราก็เริ่มต้นกับก้าวแรกของชีวิตเราได้

5.ให้รางวัลตัวเอง - ตั้งรางวัลตัวเองไว้บ้างก็ได้ค่ะ เช่น ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้จบ เราจะไปชอปปิ้งซื้อเสื้อตัวใหม่เป็นรางวัล แต่ถ้าอ่านไม่จบ ก็ห้ามซื้อ

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Ski

A ski is a long, flat device worn on the foot designed to help the wearer slide smoothly over snow. Originally intended as an aid to travel in snowy regions, they are now mainly used for recreational and sporting purposes. Also, a ski may denote a similar device used for other purposes than skiing, for example, for steering snowmobiles.


History

The Nordic ski technology was adapted during the early twentieth century to enable skiers to turn at higher speeds. New ski and bindingdesigns, coupled with the introduction of ski lifts and snowcats to carry skiers up mountains, enabled the development of alpine skis. Meanwhile advances in technology in the Nordic camp allowed for the development of special skis for skating and ski jumping.

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ชาวฝรั่งเศสร่วมเล่นสเก็ตน้ำแข็งบนหอไอเฟล

นักท่องเที่ยวต่างเล่นสเก็ตน้ำแข็ง บนหอไอเฟล ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ


22 ธ.ค.53 : บรรดานักท่องเที่ยวและชาวฝรั่งเศสที่ซื้อบัตรขึ้นไปเที่ยวชมหอไอเฟลจะได้มีโอกาสเข้าไปหาความสนุกสนานบนลานสเก็ตน้ำแข็งท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเหน็บได้โดยมีรองเท้าสเก็ตไว้คอยบริการฟรีด้วย โดยลานสเก็ตน้ำแข็งที่อยู่บนชั้น 1 ของหอไอเฟลแห่งนี้ยังช่วยให้ผู้ที่ไปเล่นสเก็ตได้มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของฌองพ์ เดอ มาร์คส์ (Champ de Mars) และปลาส เดส์ แซงวาลิดด้วย (Place des Invalides) แม้อุณหภูมิจะลดต่ำถึงจุดเยือกแข็ง แต่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ไปเที่ยวชมหอไอเฟลต่างสนุกสนานกับการเล่นสเก็ตน้ำแข็งบนลานสเก็ตในช่วงเวลาที่น่าจดจำนี้ โดยนายเบิร์ตและนางโคเล็ตนักท่องเที่ยวสองสามี-ภรรยาชาวอเมริกันที่มาฮันนีมูนที่กรุงปารีสบอกว่าการได้มาเล่นสเก็ตน้ำแข็งบนหอไอเฟลซึ่งถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีผู้คนรู้จักมากที่สุดในโลกถือว่าสุดยอดมากและเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากลานสเก็ตน้ำแข็งบนหอไอเฟลแล้ว ในกรุงปารีสยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งที่อยู่บนอาคารสูงกว่านี้อีก นั่นคือบนหอมองต์ปาร์นาส (Montparnasse Tower) โดยเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของชาวกรุงปารีสที่ตั้งเผชิญหน้ากับหอไอเฟล แต่สำหรับคนหลายคนแล้วไม่มีสิ่งใดจะมาสู้กับมนต์วิเศษแห่งหอไอเฟลได้ ทั้งนี้ ลานสเก็ตน้ำแข็งบนหอไอเฟลแห่งนี้มีขนาด 200 ตารางเมตรซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำสิ่งของและแสงไฟมาประดับประดาไว้เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส โดยลานสเก็ตน้ำแข็งแห่งนี้เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2549 และในปีนี้จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการเป็นเวลานาน 2 เดือนตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โมนาลิซา

โมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศส: La Gioconda, La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) เป็นภาพที่ทั่วโลกรู้จักกันดีภาพหนึ่ง ในฐานะสุภาพสตรีที่มี รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


ประวัติ : ภาพโมนาลิซ่านี้ถูกวาดโดย ดา วินชี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2050 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาด ในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากอิตาลีไปที่ฝรั่งเศส ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ที่ทรงปรารถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซ่า ในราคา 4,000 เอกือในปี ค.ศ. 1519 (พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 63 ปีใบหน้าของมาดามลิซ่าตอนนที่ ดา วินชี เสียชีวิตแล้วได้ยกสมบัติและภาพวาดทั้งหมดให้เป็นมรดกของผู้ติดตามของเขา ฟรานเซสโก เมลซิ (Francesco melci) และเมื่อฟรานเซสโก เมลซิ เสียชีวิตลงก็ไม่ได้ยกมรดกให้ใคร มรดกก็เริ่มกระจัดกระจาย และต่อมาภาพโมนาลิซ่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ พระราชวังฟงเตนโบล ต่อมาก็ในพระราชวังแวร์ซาย หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส ก็ถูกไปนำเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในห้องสรงของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในพระราชวังตุยเลอรี แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่พิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม ในช่วงสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่างปี พ.ศ. 2413 - 2414 ภาพได้ถูกนำออกจากพิพิธภัณฑ์ ไปซ่อนไว้ในที่ลับในประเทศฝรั่งเศส มื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ภาพโมนาลิซ่าถูกโจรกรรมออกจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอก็ได้ใช้เวลาไปถึง 2 ปี ซึ่งได้พบในเมืองฟรอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ปัจจุบันเธอถูกดูแลรักษาอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ อันเป็นเครื่องหมายสากลว่า โมนา ลิซา จะไม่มีวันที่จะได้เคลื่อนย้ายไปแสดงที่ไหนอีกเป็นเด็ดขาด

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คู่แต่งงานอายุมากที่สุดในโลก ความรักของคู่รักหลายคู่ที่ว่ายั่งยืนมาหลายสิบปีแล้ว เห็นทีต้องยอมซูฮกแต่โดยดีถ้าได้รู้จักกับคู่แต่งงานชาวอังกฤษคู่นี้ รัลฟ์ ทาร์แรนท์ ทวดวัย 107 ปี และภรรยา ฟิลลิส วัย 101 ปี ซึ่งถือเป็นคู่แต่งงานที่อายุมากที่สุดในโลกไปแล้วในขณะนี้ โดยคุณทวดทั้งสองตกลงปลงใจแต่งงานกันเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1933 (พ.ศ. 2476) และเพิ่งฉลองครบรอบแต่งงาน 77 ปี ไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรดาลูก หลาน เหลน และโหลน โดย ทาร์แรนท์ และ ฟิลลิส มีลูกสาว 2 คน หลาน 7 คน เหลน 10 คน และโหลนอีก 1 คน แม้ว่าวัยจะเลยมาถึงหลักร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าความรักของทั้งคู่ก็ยังคงไม่เสื่อมคลาย ดังที่มันไม่เคยเสื่อมคลายไปเลยตั้งแต่ 20 ปีแรกที่ครองชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ได้ใช้วันหยุดหลังเกษียณไปกับการเดินทางไปรอบโลก และไปพักผ่อนที่สหรัฐอเมริกามาแล้วกว่า 8 ครั้ง โดยทาร์แรนท์เล่าว่า เขาและภรรยาชอบการเดินทาง และชอบออกไปสนุกกับชีวิตนอกบ้านมาตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่การไปชอปปิ้ง ขณะเดียวกัน ฟิลลิส ภรรยาของเขาได้เปิดเผยเคล็ดลับการครองชีวิตคู่ได้ยาวนานว่า ส่วนหนึ่งมันเป็นความผูกพันที่มีให้กัน และส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้งคู่อายุยืนด้วย โดยคุณทวดทั้งสองจะให้ความสำคัญกับอาหารที่ทานในแต่ละมื้อ การออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน งดสูบบุหรี่และของมึนเมาต่าง ๆ แม้แต่วิสกี้ก็ด้วย ซึ่งนี่เป็นเคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนนั่นเอง ทั้งนี้ รัลฟ์ ทาร์แรนท์ และ ฟิลลิส ได้กลายเป็นคู่แต่งงานที่อายุมากที่สุดในโลก แทนที่เจ้าของสถิติเดิม ซึ่งได้แก่ แฟรงค์ มิลฟอร์ด และภรรยา อนิต้า คู่แต่งงานวัย 101 ปีที่เสียชีวิตลงเมื่อปีก่อน หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาถึง 81 ปีเลยทีเดียว
หนูฮิปโปแคระ สัตว์แปลก กลายพันธุ์จาก หนูตะเภา




ฮิปโปแคระ สัตว์แปลก กลายพันธุ์จาก หนูตะเภา (ไทยรัฐ) "หนูตะเภา"....เราต้องยอมรับว่ามีคุณค่าต่อชีวิตมนุษย์ เพราะพวกมันจะถูกจับนำมาเป็นตัว "ลองยา" ว่ามีผลเช่นไร จนกระทั่งมีความแน่ชัด จึงนำมาสู่การรักษาโรคใน "สัตว์ประเสริฐ" ซึ่งก็คือ "คน" ในสังคมนี้นั่นเอง และคงด้วยเหตุฉะนี้ บรรดาผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลาย จึงมักเตือนลูกหลานว่า อย่าทำตัวเป็น "หนูลองยา" ดังนั้น "หลายชีวิต" จึงใคร่ขอพาแฟนคอลัมน์ไปศึกษาวงจรชีวิตว่า พวกมันกินอยู่กันเช่นไร ถึงได้เป็นพวกเสี่ยงใช้ยากลุ่ม แรก "หนูตะเภา" จัดเป็นสัตว์สังคมมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นคู่ มีความฉลาดจดจำ ช่างสังเกต ...ใช้ท่วงท่าและเสียงในการสื่อสาร มีนิสัยที่รักสงบ ต่อสู้บ้างแต่ไม่รุนแรง และจะไม่ทะเลาะ "ข้ามเพศ" ขี้ตกใจ ตื่นเต้นง่าย เชื่อง ไม่กระโดดหรือปีนป่าย จึงง่ายต่อการควบคุม การเลี้ยงดู และสามารถฝึกให้ทำกิจวัตรประจำวันได้บ้างเล็กน้อย... ส่วนทรวดทรงองค์เอวของ "ไอ้หนูตัวจี๊ด" รูป ร่างจะอ้วนสั้น คอสั้น ขาสั้น ขนเรียบเป็นมัน มีเต้านม 1 คู่ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ขาหน้ามีนิ้วเท้า 4 นิ้ว และขาหลังมีนิ้วเท้า 3 นิ้ว ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย โดยน้ำหนักเมื่อโตเต็มวัยอยู่ที่ประมาณ 900-1,000 กรัม และ....พร้อมที่จะสืบสายพันธุ์เมื่อมันมีอายุ 10 - 12 สัปดาห์ ใช้เวลาตั้งท้อง 59-72 วัน จึงตกลูกตัวแดงเล็ก ๆ ครอกหนึ่งมี 1-6 ตัว หลังจากนั้นอีก 16-19 วัน ตัวเมียจะ "เหล่" เพศตรงข้ามใหม่อีกครั้ง อาหาร ที่ชื่นชอบกินคือ หญ้าและเมล็ดธัญพืช ด้วยความที่มันเลี้ยงง่าย นิสัยไม่ดุดัน ทำให้ยังคงเห็นพวกมัน รอการคัดสรรจากผู้ที่หลงใหลได้ปลื้มมันตามแหล่งตลาดสัตว์เลี้ยงอย่างไม่ สร่างซา

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุด กลุ่มนักเพาะพันธุ์ จากทวีปอเมริกาใต้ ได้นำ หนูตะเภา มาคัดเลือกปรับปรุงสายพันธุ์ กระทั่งเกิดการผ่าเหล่า ได้หนูที่มีลักษณะพิเศษจากเดิมคือ ไม่มีขนทั้งตัว สีของลำตัวมีทั้งสีชมพู และสีดำด่าง มองดูคล้าย "ฮิปโป" ขนาดเล็ก โตเต็มที่ลำตัวจะยาวประมาณ 20 ซม. น้ำหนัก 1,000 กรัม โดยขนานนามมันใหม่ว่า "หนูฮิปโปแคระ" Hair Less Cavy

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554



ประโยชน์ของอาหารมัน ๆ มีสารบำรุงสมองนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียศึกษาพบว่ากรดโอเลอิกในไขมัน กลับมีประโยชน์ เพราะถูกแปลงให้เป็นสารบำรุงสมอง เมื่อตกถึงลำไส้วารสาร ของสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งชาติของอเมริกา ซึ่งเสนอรายงานผลการศึกษา กล่าวว่า การค้นพบนี้อาจช่วยให้ พบหนทางรักษาโรคเกี่ยวกับความจำใหม่ได้บำรุงสมอง เพราะขณะนี้ได้มีการทดลองยาที่ทำเทียมสารประกอบนี้ เพื่อลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ ไขมันอันตรายชนิดนี้อยู่แล้วผลการศึกษา ได้แสดงว่าสารโอเลออย์อีทานอลาไมด์ หรือโออีเอในระดับสูง มีสรรพคุณช่วยลดความอยากอาหาร บำรุงสมอง ทำให้น้ำหนักลด ลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ ทั้งยังช่วยลดปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือด จึงเหมาะกับการทำเป็นยาเม็ดลดความอ้วนด้วยดร.ดาเนียล เพียวเมลลิ หัวหน้านักวิจัย กล่าวว่า โออีเอ ยังช่วยเก็บความจำเอาไว้ โดยช่วยกระตุ้นสัญญาณเพิ่มขีดความจำในสมอง บำรุงสมอง ส่วนที่เกี่ยวกับความจำทางด้านอารมณ์ เขายังเสริมว่ามันยังมีคุณประโยชน์ในวิวัฒนาการ ในการช่วยให้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำได้ถึงแหล่งและเวลาที่จะหาอาหารมัน ๆ กิน จึงดูเหมือนมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิวัฒนาการของมนุษย์และสัตว์อื่นของ ยุคต้น ๆ เพราะการจำแหล่งและสภาพการณ์ที่เกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นได้ อาจจะเป็นกลไก เพื่อการอยู่ รอดของมนุษย์ยุคแรก ๆ ที่สำคัญอันหนึ่ง



อยาก "จำแม่น" เชิญทางนี้ มีวิธีฝึกบำรุงสมองมาบอกงานวิจัยเพื่อค้นหาวิธีการ "บำรุงสมอง" ยังมีเผยแพร่ออกสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่องครับ งานเด่นๆ ที่ผ่านมาก็เช่น ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ที่บอกว่า การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะนั้นส่งผลดีต่อสมอง เพราะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมองดีขึ้นเมื่อสมองแข็งแรง "ความจำ" ก็แม่นยำ ปิ๊งปั๊งตามไปด้วยโดยอัตโนมัตินอกจากนั้น ในวงการแพทย์ปัจจุบันก็ยอมรับกันว่า การรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว "โอเมก้า 3" ซึ่งพบมากในน้ำมันปลาและเนื้อปลาทะเล ก็มีส่วนช่วยบำรุงสมอง บำรุงความจำ เช่นกันมา วันนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโพลิแทน ประเทศอังกฤษ เสนอข้อมูลใหม่ ว่า วิธีพัฒนา-ฟื้นฟูความจำของสมองมนุษย์แบบง่ายๆ ทำได้ด้วยการค่อยๆ กรอก "ลูกตา" จากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง!เคล็ด ลับการกรอกลูกตาที่ว่านี้ ต้องทำในแนวนอน เช่น กรอกตามองจากฝั่งซ้าย มาตรงกลาง แล้วไปทางขวา หรือไม่ก็ทำในทิศทางสลับกัน แต่ต้องกรอกตา หรือ ทำต่อเนื่องเพียง 30 วินาทีต่อวันดร.แอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า การฝึกกรอกตาไปมาแบบนี้จะช่วยให้ "สมองทั้ง 2 ซีก" ของคนเราทำงานตอบสนองกันดียิ่งขึ้น เมื่อทำบ่อยๆจึงเหมือนกับเป็นการ "ออกกำลังกายสมอง" ไปในตัว ทำให้สมองของผู้ฝึกมีความจำดีกว่าเดิม 10 เปอร์เซ็นต์!
เตรียมตัวเพื่อเปิดเทอมอย่างมีความสุข
ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว เวลาแห่งความสุขที่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ท่องเว็บ แชตกับเพื่อนทั้งวันหรือเที่ยวเล่นสนุกจะหมดลงแล้ว อย่าคิดว่าเปิดเทอมทำให้เราหมดความสุขค่ะ เพราะหน้าที่ของพวกเราตอนนี้ คือ การเรียนหนังสือ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

ถึงแม้เปิดเทอมเรามีความสุขได้ค่ะ เพราะเรา (เตรียม) ‘พร้อม’ ทุกอย่างแล้ว พร้อมที่จะเรียนรู้เนื้อหาใหม่ๆ เพื่อนใหม่

เอาล่ะ เตรียมพร้อมที่จะลุยหรือยัง เรามีคำแนะนำดีๆ ค่ะ

1. อุปกรณ์การเรียน ทั้งหนังสือเรียน สมุด กระเป๋านักเรียน เครื่องเขียน และชุดนักเรียน รองเท้า ลองดูว่าอะไรที่เราขาดเหลือบ้าง ถ้าขาดเหลืออะไรจะได้ไปหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา หรือ ต้องซ่อมแซม รีบทำให้เสร็จก่อนเปิดเทอมนะคะ แนะนำให้เตรียมอุปกรณ์การเรียนน่ารักๆ จะประดิษฐ์เองจะได้ประหยัดก็ได้นะคะ ต้อนรับเปิดเทอม เพื่อเป็นกำลังใจในการเรียนค่ะ ปากกาสีสันสดใส ไว้จด ทำให้จำแม่นดีค่ะ

2. สุขภาพ หันมาดูแลสุขภาพกันก่อนเปิดเทอมนะคะ ออกกำลังกายบ้าง สักวันละ 20 นาที สุขภาพจะได้แข็งแรงพร้อมที่จะเรียนรู้ค่ะ

3. ปรับเวลาเข้านอน จากที่นอนดึกๆ ดื่นๆ ดูละครหรือเล่นเน็ต ต้องปรับเวลาในการนอนให้เร็วขึ้นแล้วค่ะ ควรเริ่มปรับเวลานอน ล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์ ถึงเวลาตื่นนอนตอนเช้าจะได้สดชื่น ไม่ง่วงงุน ปวดหัว แล้วเรียนไม่รู้เรื่องกันนะคะ

4. การรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ด้วยค่ะ เพื่อบำรุงสมอง และควรปรับการรับประทานให้เป็นเวลา จากที่เคย ‘กินเมื่อหิว’ ช่วงปิดเทอม ปรับสภาพได้แล้วนะคะ

5. เริ่มหยิบหนังสือที่ต้องเรียนในเทอมต่อไปมาลองอ่านดูค่ะ หากขี้เกียจมาก ลองทำใจอ่านสารบัญก่อนนะคะ แล้วค่อยๆ คิดคำถามว่า หัวข้อนี้ เนื้อหาต้องเป็นอย่างนี้แน่นอนเลย แล้วพลิกดูคำตอบสิ ว่าเหมือนกับที่เราคิดไว้หรือไม่ จะทำให้เราค่อยๆ เปิดอ่านหนังสือได้เรื่อยๆ จนหมดเล่มค่ะ จะทำโน้ตย่อ หรือ Mind Map ไว้ก็ได้นะคะ
6. ตั้งเป้าหมายในการเรียนไว้สำหรับเทอมนี้ ว่าฉันจะต้องได้เกรดสูงกว่าเทอมที่แล้ว เท่าไรดี แล้วตั้งใจเรียน ย้ำกับตัวเองบ่อยๆ ว่าเราต้องสู้ พยายามเข้าค่ะ เราต้องทำได้ แต่อย่าเครียดมากนะคะ ทำดีที่สุดค่ะ หากผิดหวังหรือพลาดไป แก้ตัวใหม่ได้ในการสอบครั้งต่อไปค่ะ อ่านให้เยอะมากกว่าเดิม สู้ๆ ค่ะ

7. จัดโต๊ะหนังสือใหม่ค่ะ นำหนังสือของปีที่แล้วหรือเทอมที่แล้วจัดไว้ให้เป็นระเบียบ เผื่อหยิบมาเปิดดูบทเรียนที่สงสัย แล้วทำโต๊ะให้โล่งๆ เพราะหากต้องกางหนังสือหลายๆ เล่มในเวลาเดียวกัน

8. ศึกษาเส้นทางการเดินทางไปโรงเรียน ว่าต้องต่อรถตรงบริเวณใด หากต้องเดินทางไปเอง หากใช้รถตู้โรงเรียน ข้ามข้อนี้ไปค่ะ

9. คิดถึงเพื่อนๆ ไว้ จะได้พบ พูดคุย เล่นกับเพื่อนแล้ว น่าสนุกออกนะคะ จะได้คุยกันว่าทำอะไรช่วงปิดเทอมบ้าง หากต้องพบเพื่อนใหม่ ให้เปิดใจในการทำความรู้จักและเรียนรู้เพื่อนใหม่ค่ะ พยายามคบคนดีๆ เป็นมิตร จะได้เกื้อหนุนกันค่ะ

10. วางแผนแบ่งเวลาในการเรียนค่ะ จดบันทึกในสมุดคร่าวๆ ว่า หลังเลิกเรียนจะต้องทำอะไรบ้าง ออกกำลังกาย ไปเรียนพิเศษวันไหนบ้าง ทบทวนวิชาใดในวันใดบ้าง